ทรงสู้โลกร้อน

          “...เมื่อเร็วๆ นี้เกิดคิดขึ้น หรือควรพูดว่าได้ข้อมูลมาเกี่ยวกับเรื่องเรื่องหนึ่ง ซึ่งเขาเดือดร้อนกันทั่วโลก คือความเดือดร้อนที่ทุกคนจะต้องประสบ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะได้รู้...

           ...น้ำจะท่วมจากทะเล เพราะว่าสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง... เพราะมีสารคาร์บอนขึ้นไปในอากาศมาก จะทำให้เหมือนเป็นตู้กระจกครอบ แล้วโลกนี้ก็จะร้อนขึ้น

          เมื่อโลกนี้ร้อนขึ้น มีหวังว่าน้ำแข็งจะละลายลงทะเล... เมื่อน้ำพองขึ้นก็จะทำให้ที่ๆ ต่ำ เช่น กรุงเทพฯ ถูกน้ำทะเลท่วม...

 ก็เลยสนใจว่าเรื่องเป็นอย่างไร จึงได้ข้อมูลว่าสิ่งที่ทำให้คาร์บอนในอากาศเพิ่มมากขึ้นนั้น มาจากการเผาเชื้อเพลิงซึ่งอยู่ในดินและจากการเผาไม้

          บอกได้ว่าในอากาศนี้มีสารคาร์บอนอยู่เดี๋ยวนี้ ๗๐๐ พันล้านตัน การเผาเชื้อเพลิง เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ทำให้คาร์บอนขึ้นไปในอากาศ ๕ พันล้านตันต่อปี ยังมีการเผาทำลายป่าอีก ๑.๕ พันล้านตัน รวมแล้วเป็น ๖.๕ พันล้านตัน ...ถ้าไม่มีอะไรที่จะทำให้จำนวนของสารนี้ในอากาศลดลง ก็จะทำให้สารนี้เป็นเหมือนตู้กระจกครอบ...

          พูดกันว่าต้นไม้ทำให้จำนวนคาร์บอนลดน้อยลงได้ ก็เป็นความจริง ต้นไม้ทั่วโลกในปัจจุบันกินคาร์บอนได้ในอัตรา ๑๑๐ พันล้านตันต่อปี ถ้าเป็นเช่นนั้นก็สบายใจได้ แต่ถ้าเราดูต่อไป ต้นไม้นั้นเองมันคายคาร์บอนออกมาในอัตราปีละ ๕๕ พันล้านตัน ก็เหลือกำไรเพียงครึ่งเดียว ดินหรือสิ่งอื่นๆ ที่กำลังสลายตัว ส่งคาร์บอนขึ้นไปในอากาศอีก ๕๔.๕ พันล้านตัน ลงท้ายก็จะได้กำไรเหลือเพียง ๕๐๐ ล้านตัน ฉะนั้นถ้าดูแล้วยังขาดทุนอีก ๖ พันล้านตัน 

          มีอีกอย่างหนึ่งก็คือทะเล เขาจะส่งคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปบนฟ้า ๙๐ พันล้านตัน แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ดูดคาร์บอนจากอากาศมา ๙๓ พันล้านตัน หมายถึงเขาทำกำไรได้ ๓ พันล้านตัน ถ้าบวกทั้งหมด เป็นอันว่ายังมีการเพิ่มคาร์บอนในอากาศ ๓ พันล้านตันทุกๆ ปี...

ทางแก้ไขก็คือต้องเผาน้อยลงและต้องปลูกต้นไม้มากขึ้น...

          พูดอย่างนี้ท่านทั้งหลายก็งง วันนี้มีแต่งง เพราะวันนี้ไปถึงสิ่งแวดล้อมขั้นโลก แต่ก่อนเคยพูดถึงขั้นประเทศ เดี๋ยวนี้ถึงขั้นโลก ก็เป็นความรับผิดชอบที่เรามี ความจริงต้องพูดถึงขั้นโลกเพราะประเทศไทยนี้ก็เติบโตขึ้นมา จะมีหน้ามีตาในโลกว่าเป็นประเทศที่มั่นคง เป็นประเทศที่ดี เราต้องมีความรับผิดชอบในโลกให้มากขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นความดีของประเทศไทย

          คราวนี้ถึงได้พูดในปัญหาที่เรียกได้ว่าฟังแล้วปวดหัว... ดูเหมือนว่าไม่เข้าใจกันว่าทำไมพูดอย่างนี้ แต่ถ้าท่านเป็นผู้ที่มีความจำดี เอาที่พูดไปพิจารณาว่าจริงหรือไม่จริง...

 แล้วนำความรู้ที่ท่านทั้งหลายให้มาโยงกัน เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาส่วนรวม ก็คงสามารถปฏิบัติงานได้ แล้วก็ทำให้พยุงรักษาประเทศชาติให้ก้าวหน้าเจริญได้...”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิตาลัย สวนจิตรลดา วันจันทร์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๒